จากที่ได้เคยอธิบายความรู้เบื้องต้นเรื่องเครื่องหนังไปแล้ว ในหัวข้อ หนังแท้ vs หนังเทียม ไปแล้วนั้น ในหัวข้อนี้เราจะทำการเจาะลึกลงไป ว่าหนังแท้ กับหนังเทียมแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้เราได้เห็นภาพรวมกัน
หนังแท้ (Genuine Leather)
หนังแท้ (Genuine Leather) คือ วัสดุที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องหนังและอุปกรณ์หนังที่มาจากผิวสัตว์จริง เช่น หนังวัวหรือหนังสัตว์อื่น ๆมาแยกเอาเฉพาะส่วนที่เป็นหนัง มาทำการล้างทำความสะอาด และผ่านกรรมวิธีการฟอก และย้อม เพื่อให้ได้เครื่องหนังที่มีลวดลายเฉพาะ หนังแท้มีคุณสมบัติที่แข็งแรงและคงทนต่อการใช้งานนาน และมักมีความยากที่จะแตกต่างจากหนังเทียม ความเรียบง่ายและความสวยงามของผิวสัตว์จริงทำให้หนังแท้เป็นวัสดุที่นิยมในการผลิตกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา และผลิตภัณฑ์เครื่องหนังอื่นๆ ที่ต้องการความหรูหราและคุณภาพสูง
ดูอย่างไรว่าเป็นหนังแท้
- ลักษณะเด่นของหนังแท้ จะมีลายหรือ Texture รอยย่นของผิวหนังที่แตกต่างกันไป ไม่เท่ากัน ไม่สม่ำเสมอ ตามธรรมชาติของหนังตัวนั้นๆ แต่อาจจะมีหนังบางประเภทที่เรียกว่าหนังอัดลาย (Embossed Leather) เช่น หนังคอร์ซ่า หนังลิ้นจี่ หนังซาเฟียโน (Saffiano) ที่มีลายที่เหมือนกันทั้งผืนหนัง เกิดจากการอัดลายลงบนหนังแท้ เพื่อให้ได้ลายสม่ำเสมอ หนังประเภทนี้ เป็นหนังแท้เช่นกัน แต่ถูกสร้างลายขึ้นให้สม่ำเสมอกันทั้งตัวหนังเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- มีรูขุมขนตามธรรมชาติอยู่บนผิวหนัง
- จะมีสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน เมื่อผ่านการใช้งานหนังแท้จะยิ่งนิ่มลง เงาขึ้น เข้มขึ้น สวยขึ้น
- มีอายุการใช้งานนานกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะใช้งานหรือไม่ได้ใช้งานใดๆ หนังแท้จะคงทนและไม่เปื่อยยุ่ย และหากได้รับการบำรุงอย่างดีจะยิ่งสวยขึ้นตามกาลเวลาอีกด้วย
- แต่แม่ว่าหนังแท้จะมีความคงทนแข็งแรงมาก แต่ก็มีโอกาสเป็นรอยขีดข่วนได้เมื่อโดนของที่มีคม เมื่อขีดข่วนจะเห็นชั้นด้านในของหนัง แต่ไม่ทำให้หนังเสีย ไม่ลุกลามขาดต่อ หรือถลอกลามโดยง่าย แม้รอยจะยังอยู่ แต่ก็ยังคงความแข็งแรงทนทานต่อไป
- มีสีให้เลือกค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการฟอกหนัง การผสมสีเพื่อให้หนังเปลี่ยนเป็นสีตามที่ผู้ผลิตต้องการมีข้อจำกัด สีที่ได้ในการฟอกแต่ละครั้งจะไม่เหมือนเดิม 100%
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ
- เมื่อเผาไฟหนังจะหงิก มีกลิ่นเป็นกลิ่นหนังสัตว์ไหม้
คุณสมบัติของหนังแท้
1. เป็นหนังแท้จากสัตว์ 100%
2. ลวดลาย(texture) บนหนังจะเป็นลวดลายเฉพาะตัวของสัตว์แต่ละตัวจริง ๆ
3. มีความเป็นธรรมชาติ ของลวดลาย อย่างเห็นได้ชัด
4. ผิวสัมผัสบนเครื่องหนัง จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน
5. มีกลิ่นหนังเบาๆ ของหนังสัตว์
6. มีความดิบ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
7. เมื่อใช้งาน จะมีความแตกต่างจากหนังเทียมชัดเจน
8. เมื่อผ่านการใช้งาน จะยิ่งสวย ลวดลายเด่นชัดขึ้น
หนังเทียม (PU/PVC)
ในส่วนของหนังเทียมนั้น อย่างที่ได้กล่าวไว้ ในบทความเรื่อง “หนังแท้ vs หนังเทียม” ซึ่งเป็นหนังที่การนำวัสดุมาผ่านการสังเคราะห์ เพื่อผลิตเครื่องหนังมาทดแทนเครื่องหนังแท้ ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชนิดคือ PU SemiPU PVC แต่หนังเทียมก็มีคุณสมบัติเฉพาะและแตกต่างจากหนังแท้ ด้วยเช่นเดียวกัน
ดูอย่างไรว่าเป็นหนังเทียม
- หนังเทียมจะมีลายที่เหมือนกันทั้งแผ่น ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นลายซ้ำๆ กัน และมีรอยต่อของลาย ซึ่งเกิดจากการทำขึ้นเพื่อให้คล้ายหนังแท้มากที่สุด
- สัมผัสของหนังเทียมจะคล้ายๆ มีพลาสติกเคลือบอยู่ที่ผิว ถ้าลูบ หรือลองกำด้วยมือจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากหนังแท้โดยสิ้นเชิง
- มีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น 1-2 ปี แม้ไม่ได้ใช้งาน เพียงวางไว้เฉยๆ ผิวของหนังเทียมจะหลุดลุ่ย เปื่อยยุ่ยไปเองตามอายุของวัสดุ
- ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน หนังเทียมจะขาดง่าย เป็นรอยง่าย และเมื่อขาดหรือถลอก จะลามไปเรื่อยๆ ได้ และที่ชั้นด้านในของหนังเทียมจะเป็นวัสดุสังเคราะห์ มีลักษณะคล้ายผ้าซ้อนกันหลายๆ ชั้น เส้นใยจะไม่เหมือนชั้นในของหนังแท้เวลาที่ขาดหรือถลอกจะเห็นได้ชัดเจน
- การผลิตควบคุมค่อนข้างง่าย ทำให้มีสีสันให้เลือกครบทุกเฉดสี โดยเฉพาะสีสว่างสดใส สีโทนสีนีออน ซึ่งทำได้ยากมากในหนังแท้ และทุกครั้งที่ผลิตจะได้สีเหมือนเดิมไม่ค่อยผิดเพี้ยน
- ราคาย่อมเยาว์ ทำให้สามารถผลิตได้ในปริมาณมาก และเป็นที่นิยมเนื่องจากจับต้องได้ง่าย ราคาไม่สูง
- เมื่อเผาไฟจะมีกลิ่นเหม็นเป็นกลิ่นของสารเคมีชัดเจน
คุณสมบัติของหนังเทียม
1. ลวดลายบนหนังสม่ำเสมอทั้งผืน
2. ดูแลรักษาง่าย
3. สีสันสวยงาม
4. มีความยืดหยุ่นสูง
5. ราคาไม่แพง
คำถามที่พบบ่อย
กระเป๋าหนังแท้มีกลิ่นทำอย่างไร?
หลายคนกังวลใจเกี่ยวกับกลิ่นของหนัง กลิ่นของหนังเกิดจากสารเคมีที่ใช้ฟอกหนัง ซึ่งหนังแต่ละชนิดจะมีกลิ่นอ่อนหรือแรงต่างกันตามสารเคมีที่ใช้นะคะ หนังที่ราคาถูกส่วนใหญ่กลิ่นจะค่อนข้างแรงและผิวสัมผัสไม่สวยเท่าไหร่ตามต้นทุนการผลิตของหนังนั้นๆ ค่ะ
แต่หนังของฮะซึโคอิทุกตัว ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี หนังของเราจะมีกลิ่นที่ค่อนข้างอ่อน เราเลือกหนังที่มีคุณภาพดีทำให้ลูกค้าที่ได้รับสินค้าประทับใจ และกลับมาซื้อซ้ำอีกเรื่อยๆ
แน่นอนว่าสำหรับลูกค้าที่ไม่ชอบกลิ่นของหนังเลย แม้จะอ่อนมากก็ตาม สามารถนำกระดาษฉีดน้ำหอมกลิ่นที่ตนชอบ ใส่ไว้ในกระเป๋าเพื่อลดกลิ่น และทำให้กลิ่นของกระเป๋าหอมในแบบของลูกค้าได้เช่นกัน หรือจะนำใบชาใส่ถุงใส่ในกระเป๋าเพื่อดูดกลิ่นก็ช่วยได้เป็นอย่างดีนะคะ
หนังแท้หนักทุกแบบจริงหรือ?
ลายท่านอาจจะมีประสบการณ์การใช้กระเป๋าหนังแท้แล้วพบว่าหนักมาก จนต้องหันไปใช้กระเป๋าผ้าเบาๆ แทน เมื่อเทียบกับกระเป๋าผ้า แม้ว่าหนังแท้จะมีน้ำหนักมากกว่ากระเป๋าผ้าอย่างแน่นอน แต่กระเป๋าหนังแท้ของฮะซึโคอิมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบากว่ากระเป๋าหนังหลายๆ แบรนด์ในท้องตลาด เนื่องจากเราคำนึงถึงการใช้งานของลูกค้า เราจึงมีการสั่งฟอกหนังพิเศษ เช่น
– หนังวัวประเภทหนังชามัวร์ซาเฟียที่เป็นที่ชื่นชอบของ #นักสะสมฮะซึโคอิเป็นอย่างมาก ในเรื่องของความนุ่ม เบา แบบหนังแกะ แต่เหนียวทนแบบหนังวัว
– หนังวัวประเภทหนังมิลาโน หนังนุ่ม เบา มีลายเม็ดนิดๆ ทั่วทั้งผืน ใครได้สัมผัสเป็นต้องหลงรักแน่นอน
เราออกแบบและพัฒนากระเป๋าให้เบา ตอบโจทย์การใช้งาน สำหรับลูกค้าที่รักหนังแท้ ชอบความเป็นหนัง แต่อยากได้กระเป๋าหนังที่เบา และสวย อยากให้ลองได้สัมผัสและมีความสุขไปกับกระเป๋าของฮะซึโคอิกันดูนะคะ
หนังแท้มีหลายอย่างทำไมต้องหนังวัว?
เพราะหนังวัวเป็นหนังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการนำมาใช้ผลิตกระเป๋าหนังแท้ และผลิตภัณฑ์จากหนังอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เข็มขัด รองเท้า โซฟา เป็นต้น เป็นที่รู้กันดีว่าหนังวัวมีความแข็งแรง ทนทาน เหนียว และมีความยืดหยุ่นสูง มีราคาสมเหตุสมผล ใช้งานได้นาน ดูแลง่ายกว่าหนังอื่นๆ จึงทำให้หนังวัวเป็นที่นิยมในระดับสากล ดังนั้นฮะซึโคอิจึงคัดเลือกหนังวัวที่มีคุณภาพมาใช้ในการผลิตสินค้าของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับกระเป๋าที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับราคาแน่นอนค่ะ
คุ้มค่ามั้ยที่จะซื้อกระเป๋าหนังแท้สักใบ?
ตอบได้เลยว่า “คุ้มค่ามาก” ค่ะ เพราะว่ากระเป๋าหนังแท้จะอยู่กับลูกค้าไปนานมาก สามารถใช้ได้จนรุ่นลูก รุ่นหลาน ไม่ขาดเปื่อยไปตามกาลเวลาเหมือนหนังเทียม และไม่ล้าสมัย เพราะหนังแท้จะมีความคลาสสิคในตัว ยิ่งใช้ยิ่งสวย ยิ่งได้รับการดูแลยิ่งใหม่นาน รับรองได้ว่าคุ้มมากจริงๆ ค่ะ